รากฟันเทียม VS รักษาฟันราก ต่างกันอย่างไร ?
 
	รากฟันเทียม VS รักษาฟันราก ต่างกันอย่างไร ?

เมื่อฟันธรรมชาติของเรามีปัญหาหนัก เช่น ฟันผุรุนแรง ฟันแตกหัก หรือการติดเชื้อในโพรงประสาทฟัน หลายคนมักสงสัยว่า ควรเก็บฟันซี่เดิมไว้ด้วยการรักษารากฟัน หรือถอนออกแล้วใส่รากฟันเทียมแทน ทางเลือกทั้งสองมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนั้นการทำความเข้าใจอย่างละเอียดจะช่วยให้ตัดสินใจได้เหมาะสมกับสุขภาพช่องปากและงบประมาณของแต่ละคน
มาดูส่วนประกอบของฟันกันก่อน !!
ชั้นเคลือบฟัน: ผู้พิทักษ์ฟัน
ลองนึกภาพเคลือบฟันเป็นเกราะกำบังที่แข็งแกร่งและทนทานที่ปกป้องฟันของเราจากความท้าทายในแต่ละวัน เคลือบฟันเป็นสารที่แข็งที่สุดในร่างกายของเราและทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ อาหารที่เป็นกรด และแบคทีเรีย อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องปกป้องเคลือบฟัน โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและกรดมากเกินไป เนื่องจากสารเคลือบฟันสามารถสึกกร่อนได้เมื่อเวลาผ่านไป
เนื้อฟัน: ช่วยสนับสนุนการทำงานของฟัน
ใต้เคลือบฟันคือเนื้อฟัน ซึ่งเป็นชั้นที่แน่นแต่บอบบางที่ก่อตัวเป็นฟันจำนวนมาก เนื้อฟันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรองรับฟันและมีท่อเล็ก ๆ ที่เชื่อมต่อกับเส้นประสาทในโพรงเนื้อฟัน เมื่อเคลือบฟันเสียหาย อาจเกิดอาการเสียวฟันได้ เนื่องจากเนื้อฟันสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นภายนอก
โพรงเนื้อฟัน: หัวใจของฟัน
ลึกเข้าไปในเนื้อฟันคือโพรงเนื้อฟัน เปรียบเสมือนหัวใจที่สูบฉีดชีวิตให้กับฟัน เป็นที่อยู่ของหลอดเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน หล่อเลี้ยงระหว่างการเติบโตของฟัน หากดกิดฟันผุหรือติดเชื้อถึงเนื้อฟัน จำเป็นต้องรักษารากฟันเพื่อรักษาฟันไว้
ชั้นเคลือบรากฟัน: ยึดเกาะฟัน
รากฟันของเรายึดแน่นกับกระดูกขากรรไกรด้วยชั้นของเคลือบรากฟัน มีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของฟันและอำนวยความสะดวกในการทำงานที่สำคัญเช่นการเคี้ยวและการกัด การรักษาสุขภาพเหงือกและสุขอนามัยช่องปากที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องซีเมนต์และป้องกันโรคเหงือก
เอ็นปริทันต์ เนื้อเยื่อที่น่าทึ่ง
เอ็นยึดปริทันต์เป็นเนื้อเยื่อที่เชื่อมเคลือบรากฟันกับกระดูกกราม ทำหน้าที่เป็นตัวดูดซับแรงกระแทก กันการกระแทกฟันจากแรงกดของการกัดและเคี้ยว หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม โรคเหงือกอาจส่งผลต่อเอ็นยึดปริทันต์ นำไปสู่การสูญเสียฟันได้
ครอบฟัน: ส่วนที่มองเห็นได้
ครอบฟันคือส่วนของฟันที่มองเห็นได้เหนือแนวเหงือก มีรูปร่างและขนาดต่างๆ กัน ขึ้นอยู่กับหน้าที่การใช้งาน ฟันกรามที่มีไว้สำหรับกัดจะมีความคม ในขณะที่ฟันกรามสำหรับบดเคี้ยวจะมีลักษณะกว้าง การตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำช่วยตรวจและรักษาปัญหาเกี่ยวกับครอบฟันได้
รากฟัน: จุดยึดที่ซ่อนอยู่
ในขณะที่ครอบฟันคือส่วนของฟันที่มองเห็นได้ แต่รากฟันจะอยู่ใต้ขอบเหงือกซึ่งซ่อนอยู่จึงไม่สามารถมองเห็น รากฟันเหล่านี้ยึดฟันไว้แน่นกับกระดูกขากรรไกร การรักษาสุขอนามัยช่องปากที่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการมีรากฟันที่แข็งแรง เนื่องจากรากฟันจะไวต่อการติดเชื้อและโรคเหงือก

รักษารากฟัน (Root Canal Treatment) คืออะไร?
การรักษารากฟันเป็นวิธีการเก็บฟันซี่เดิมเอาไว้ โดยทันตแพทย์จะทำการเปิดโพรงฟันเพื่อนำประสาทฟันที่อักเสบหรือติดเชื้อออกไป จากนั้นทำความสะอาดรากฟันและอุดปิด เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ และมักจะครอบฟัน (Crown) ทับเพื่อเสริมความแข็งแรง
ข้อดีของการรักษารากฟัน
- เก็บฟันธรรมชาติเอาไว้ได้
- ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการทำรากฟันเทียม
- การรักษาใช้เวลาไม่นาน (2–3 ครั้ง โดยเฉลี่ย)
- รู้สึกเคี้ยวได้ใกล้เคียงฟันปกติ
ข้อจำกัด
- ฟันที่รักษารากแล้วจะเปราะและแตกหักง่ายกว่าฟันธรรมชาติ
- มีโอกาสกลับมาติดเชื้อซ้ำได้
- ถ้าสภาพรากฟันไม่แข็งแรงมาก อาจไม่สามารถเก็บฟันได้ในระยะยาว

รากฟันเทียม (Dental Implant) คืออะไร ?

รากฟันเทียมเป็นการใส่รากฟันเทียมที่ทำจากไทเทเนียมลงไปในกระดูกขากรรไกร เพื่อใช้แทนรากฟันธรรมชาติ จากนั้นติดครอบฟันเซรามิกด้านบน ทำให้ได้ฟันซี่ใหม่ที่ใกล้เคียงธรรมชาติทั้งในด้านความสวยงามและการใช้งาน
ข้อดีของรากฟันเทียม
- แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้ใกล้เคียงฟันจริง
- อายุการใช้งานยาวนาน (10–20 ปีขึ้นไป หากดูแลดี)
- ป้องกันการละลายของกระดูกขากรรไกรที่มักเกิดขึ้นหลังถอนฟัน
- ไม่กระทบฟันข้างเคียง ต่างจากสะพานฟันที่ต้องกรอฟันซี่ข้าง ๆ
ข้อจำกัด
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรักษาราก
- ใช้เวลาในการรักษาหลายเดือน (3–6 เดือน ขึ้นกับการฝังรากและการเชื่อมติดกับกระดูก)
- ต้องมีสุขภาพเหงือกและกระดูกขากรรไกรที่แข็งแรงพอ
เปรียบเทียบแบบชัด ๆ
| ประเด็น | รักษารากฟัน | รากฟันเทียม | 
|---|---|---|
| การเก็บฟัน | เก็บฟันธรรมชาติไว้ | ถอนฟันแล้วใส่รากเทียมแทน | 
| อายุการใช้งาน | หลายปี แต่ฟันเปราะง่าย | ยาวนาน 10–20 ปีขึ้นไป | 
| ค่าใช้จ่าย | น้อยกว่า | สูงกว่า | 
| ระยะเวลา | 2–3 ครั้ง | หลายเดือน | 
| ความสวยงาม | อาจเปลี่ยนสีตามกาลเวลา | ดูเหมือนฟันธรรมชาติ | 
| ความแข็งแรง | ฟันอ่อนแอกว่าปกติ | แข็งแรงใกล้เคียงฟันจริง | 
สรุป : เลือกวิธีไหนดี ?
จริง ๆ แล้ว คำตอบขึ้นอยู่กับสภาพฟัน เหงือก กระดูก และงบประมาณของแต่ละคน เพราะบางครั้งการเก็บฟันซี่เดิมไว้ก็เพียงพอ
แต่บางกรณีที่ฟันเสียหายมาก รากฟันเทียมอาจคุ้มค่าในระยะยาวกว่า
หากฟันซี่ยังพอเก็บได้ และรากฟันแข็งแรงพอ → รักษารากฟัน เป็นตัวเลือกที่ดีและประหยัดกว่า
หากฟันเสียหายเกินกว่าจะเก็บไว้ได้ → รากฟันเทียม จะเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า แข็งแรง และใช้งานได้ใกล้เคียงฟันจริงที่สุด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: รักษารากฟันเจ็บไหม?
A: ไม่เจ็บค่ะ เพราะทำภายใต้ยาชา ระหว่างทำไม่รู้สึกเจ็บ หลังทำอาจปวดหรือเสียวเล็กน้อย แต่บรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด
Q: รากฟันเทียมทำแล้วเจ็บหรือเปล่า?
A: ระหว่างผ่าตัดไม่เจ็บเพราะมีการฉีดยาชา หลังทำอาจบวม–เจ็บประมาณ 2–3 วัน แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์
Q: อายุการใช้งานของการรักษารากฟันเป็นอย่างไร?
A: หากดูแลดีสามารถใช้ได้หลายปี แต่ฟันจะเปราะกว่าเดิม จึงมักแนะนำให้ครอบฟันเพื่อยืดอายุการใช้งาน
Q: รากฟันเทียมอยู่ได้นานกี่ปี?
A: ปกติอยู่ได้ 10–20 ปี หรือมากกว่านั้น หากดูแลสุขภาพช่องปากอย่างดี บางรายอาจใช้งานได้ตลอดชีวิต
Q: ค่าใช้จ่ายต่างกันอย่างไร?
A: รักษารากฟันราคาน้อยกว่า แต่รากฟันเทียมมีราคาสูงกว่า เป็นการลงทุนระยะยาวเพราะแข็งแรงและสวยงามใกล้เคียงฟันจริง
Q: ใครเหมาะกับการรักษารากฟัน?
A: ผู้ที่ฟันซี่ยังพอเก็บไว้ได้ รากฟันยังแข็งแรง และไม่มีการแตกหักหรือการละลายของกระดูกมากเกินไป
Q: ใครเหมาะกับการทำรากฟันเทียม?
A: ผู้ที่สูญเสียฟันทั้งซี่หรือฟันเสียหายเกินจะเก็บไว้ และมีสุขภาพเหงือก–กระดูกแข็งแรงพอจะรองรับรากเทียม
Q: จะเลือกวิธีไหนดี?
A: ขึ้นอยู่กับสภาพฟัน งบประมาณ และเป้าหมายระยะยาวของแต่ละคน ควรให้ทันตแพทย์ประเมินก่อนตัดสินใจเสมอ
สุดท้ายแล้วการเลือกวิธีรักษาควรอยู่บนพื้นฐานการตรวจโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพฟัน เหงือก และกระดูกของคุณอย่างละเอียด
ที่ CASA Dental Clinic : คลินิกทันตกรรมคาซ่า เรามีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรากฟันเทียมและรักษาราก พร้อมเครื่องมือทันสมัย ช่วยคุณวิเคราะห์และเลือกแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับรอยยิ้มของคุณ
นัดตรวจฟันกับคุณหมอใจดี ที่นี่
 
				 
					

 
											 
											 
											