ยาสีฟัน ควรเลือกแบบไหนดี?
ยาสีฟัน ควรเลือกแบบไหนดี?
ต้องยอมรับว่าสุขภาพช่องปากเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกที่ดีและความมั่นใจได้ไม่น้อย ดังนั้นการเลือกใช้อุปกรณ์สำหรับแปรงฟันหรือทำความสะอาดฟันจึงเป็นอีกสิ่งที่ต้องใส่ใจ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือการเลือกใช้ยาสีฟัน(Toothpaste)ในแบบที่เหมาะสมกับสุขภาพเหงือกและฟันของตนเอง เพื่อนๆคงสงสัยว่าแล้วยาสีฟันที่ดีจะต้องเลือกยังไง บทความนี้เรามาหาคำตอบการทำงานของยาสีฟัน และวิธีการเลือกยาสีฟันให้เหมาะกับปัญหาของคุณกัน
ยาสีฟัน เป็นตัวช่วยการดูแลช่องปาก ทำความสะอาดฟัน กำจัดเศษอาหาร คราบสะสมจากจุลินทรีย์ต่างๆ ที่ติดอยู่ตามผิวฟัน เป็นสิ่งที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยต่อสู้กับโรคฟันผุ โรคเหงือกเเละปัญหากลิ่นปาก ยาสีฟันจะทำงานร่วมกับแปรงสีฟันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขัดและขจัดคราบและเศษอาหารตามซอกฟันออก อีกทั้งยังช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์
ยาสีฟันที่ดีต้องเป็นแบบไหน มีส่วนผสมอะไรบ้าง?
ยาสีฟันที่มีขายอยู่ทั่วไปตามห้างสรรพสินค้านั้นนับเป็นยาสีฟันที่สามารถใช้ได้กับทุกคน ซึ่งหลักๆมีอยู่ 5 ประเภท ดังนี้
1. ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์
เป็นยาสีฟันที่ป้องกันปัญหาฟันผุ สูตรยาสีฟันฟลูออไรด์ที่ใช้ทั่วไปมักจะมีฟลูออไรด์เข้มข้น 1,000 ส่วนในล้านส่วน ควรแปรงฟันด้วยยาสีฟันฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และควรแปรงนานประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้สารฟลูออไรด์เข้าไปสัมผัสกับผิวฟันและซอกฟันได้ดี แต่สารฟลูออไรด์ก็มีข้อควรระมัดระวังในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ควรได้รับการดูแลจากผู้ปกครองให้ยาสีฟันใช้ในปริมาณเล็กน้อยและระวังไม่ให้เด็กกลืน
2. ยาสีฟันผสมสมุนไพร
เป็นยาสีฟันที่ไม่ได้เน้นในเรื่องของการป้องกันฟันผุมากนั้น แต่จะเน้นในเรื่องของการบำรุงสุขภาพเหงือก ช่วยบรรเทาอาการปวดฟัน ลดอาการเลือดออกตามไรฟัน และดับกลิ่นปาก แต่ก็มีข้อควรระวังเช่นกันเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ จึงอาจมีสารปนเปื้อนได้ ดังนั้นการเลือกซื้อยาสีฟันสมุนไพร ควรเลือกแบบที่มี อย. และมีมาตรฐานในการผลิต
3. ยาสีฟันช่วยฟอกฟันขาว
เป็นยาสีฟันที่เน้นเรื่องปรับสีฟันให้ขาว ไม่หมองหรือมีคราบเหลือง เหมาะสำหรับคนที่ชอบทาน ชา กาแฟ หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ ยาสีฟันประเภทนี้จะช่วยขจัดคราบเหล่านี้ออกไป ยาสีฟันฟอกฟันขาวมีด้วยกันหลายสูตร เช่น สูตรผสมเบคกิ้งโซดา สูตรผสมเปอร์อ๊อกไซด์ ซึ่งควรขอคำแนะนำจากทันตแพทย์ก่อนเลือกใช้ ข้อควรระวังของยาสีฟันประเภทนี้คือหากเราใช้บ่อยเกินไปอาจจะทำให้ผิวฟันสึกกร่อนลงได้
4. ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน
เป็นยาสีฟันช่วยลดอาการเสียวฟันโดยเฉพาะ มักประกอบไปด้วยสารที่ช่วยลดอาการเสียวฟันได้ เช่น โซเดียมซิเตรต (Sodium citrate) โพแทสเซียมไนเตรต (Potassium nitrate) ยาสีฟันชนิดนี้จะช่วยสร้างเกราะปกป้องบริเวณเสียวฟัน โดยแปรงฟันเป็นประจำทุกวัน วันละสองครั้ง เพื่อปกป้องการเสียวฟันอย่างยาวนาน
5. ยาสีฟันลดและควบคุมหินปูน
เป็นยาสีฟันที่มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดคราบหินปูนบนเนื้อฟัน โดยจะประกอบไปด้วยสารไตรโคลซาน ไพโรฟอสเฟต (Pyrophosphates) แต่ยาสีฟันประเภทนี้จะช่วยลดการเกิดคราบหินปูนได้ในบางส่วนเท่านั้น เรายังคงต้องพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนเป็นประจำอยู่ดี(แต่อาจจะไม่ต้องบ่อยเท่าเดิม) ข้อควรระวังสำหรับยาสีฟันประเภทนี้คืออาจทำให้เกิดอาการเสียวฟัน หรือแพ้สารในยาสีฟันได้
ยาสีฟันที่ควรเลือกใช้
- ยาสีฟันควรมีส่วนประกอบของผงขัดฟันละเอียด จะอยู่ในรูปของผงหรือเม็ดขัดฝันขนาดเล็กก็ได้ที่ไม่ทำให้รู้สึกเสียวฟันขณะที่ใช้
- ยาสีฟันควรมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฟันและป้องกันฟันผุ
- ยาสีฟันควรมีสีหรือกลิ่นที่น่าใช้ ตรงตามความต้องการของผู้ใช้
- ยาสีฟันไม่ควรมีส่วนผสมของน้ำตาล
- วัน เดือน ปีที่ผลิตยาสีฟันไม่ควรนานเกิน 3 ปี
ประโยชน์ของยาสีฟัน
- เสริมสร้างความแข็งแรงของฟัน
- ป้องกันฟันผุ
- ทำความสะอาดคราบหินปูน เศษอาหาร ป้องกันเชื้อจุลินทรีย์ในช่องปาก
- ลดกลิ่นปาก ทำให้ลมหายใจหอม สดชื่น
- ช่วยความสะอาดสิ่งของภายในบ้าน เช่น เครื่องเงิน คราบมัน
ควรใช้ยาสีฟันมากแค่ไหน?
หลายคนอาจเข้าใจว่าต้องบีบยาสีฟันให้มากๆ เพราะจะได้แปรงได้ทั่วถึง มีฟองในปากเยอะๆ จะได้ส่งกลิ่นหอม แต่นั่นกลับเป็นความคิดที่ผิด เนื่องจากการบีบยาสีฟันที่เหมาะสมควร บีบยาสีฟันให้เท่ากับความยาวของขนแปรงสีฟันที่ใช้ก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับในเด็กอาจใช้ยาสีฟันสำหรับเด็กโดยเฉพาะ หรือใช้ปริมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียวเท่านั้น
ข้อควรระวังในเรื่องการใช้ในวัยเด็กที่ควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น!!
การแปรงฟันของเด็กเล็กควรอยู่ในการดูแลของผู้ปกครอง
อายุน้อยกว่า 3 ปี > ควรใช้ยาสีฟันขนาดเท่าเม็ดข้าว
อายุ 3 – 6 ปี > ควรใช้ยาสีฟันขนาดเท่าเมล็ดข้าวโพด
อายุ 6 ปี > ควรใช้ยาสีฟันเท่ากับความยาวของขนแปรงสีฟัน
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเลือกใช้ยาสีฟันแบบไหน ก็ยังจำเป็นต้องแปรงฟันวันละ 2 ครั้งอย่างสม่ำเสมอ และต้องรู้จักวิธีแปรงฟันอย่างถูกต้อง ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันหลังมื้ออาหารเพื่อสุขภาพปากและฟันที่ดี เพียงเท่านี้คุณก็จะมีฟันที่ขาวสะอาดและดูมีสุขภาพดีได้
ควรไปพบทันตแพทย์เป็นประจำตามกำหนด หรือทุก ๆ 6 เดือน นัดตรวจฟันกับคุณหมอใจดี ที่นี่